หน้าเว็บ

Monday, January 3, 2011

Review: Byousoku 5 Centimeters (Part 2 Ending)

หลังจาก HD ไปกับสายลมหนาวเรียบร้อย เลยทิ้งช่วง Part 2 นานมากกกกเพราะข้อมูลหายเรียบ ก็ขอนำผู้อ่านกลับไปยุค 90 ในช่วงที่เนตยังไม่มี รวมถึง BB ที่นั่งจิ้มๆกัน ระยะทางและเวลานี้จะมีผลแบบไหนกันนะ ต่อจาก Review: Byousoku 5 Cemtemeters (Part 1)
Chapter 1 "Cherry Blossom" การพลัดพรากของซากุระ

Akari : นี่…
Takaki: อะไรเหรอ
Akari : ความเร็วตอนที่กลีบดอกซากุระร่วงไง 5 cm ต่อวินาที
Takaki: หืม อาการินี่รู้อะไรเยอะดีนะ
Akari : อย่างกับหิมะตกเลยว่ามั้ย
ปิดเรื่องมาด้วยฉากเด็กสองคน ทากากิ (Tono Takaki) และ อาการิ (Shinohara Akari) วิ่งกันไปใต้กลีบซากรุะที่ร่วงหล่น และในตอนที่มาถึงทางรถไฟนั้น Akari ก็วิ่งผ่านที่กั้นรถไฟไปก่อน
Akari : ทากากิคุง ปีหน้า…ถ้าได้มาดูดอกซากุระบานด้วยกันอีกก็คงดีเนอะ…….
ทั้งคู่ต่างก็ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนประถมในโตเกียว (Tokyo) ตามพ่อแม่ท่ีต้องย้ายที่ทำงานอยู่เรื่อยๆ อาจเพราะมีนิสัยและความชอบอะไรคล้ายๆกัน แถมแพ้อากาศ ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนกันอีก ทำให้สนิทกันได้เร็วมากและชอบไปสองคน จนโดนล้อจากเพื่อนร่วมห้องอยู่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนทั้งคู่ก็ดูจะไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่
"ถึง โทโนะ ทาคากิซัง ขอโทษที่ไม่ติดต่อไปเสียนาน...ฤดูร้อนที่นี่ก็ร้อนเหมือนกัน แต่ยังไงก็คงไม่เท่ากับที่โตเกียว มาคิดดูแล้วฉันคงจะชอบอากาศร้อนๆแบบที่โตเกียวมากกว่า ทั้งยางมะตอยที่คล้ายกำลังละลาย ทั้งตึกระฟ้าสะท้อนแสงแวววาวออกไป และห้างสรรพสินค้ากับรถไฟใต้ดินที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ ครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้พบกันก็ตั้งแต่พิธีสำเร็จการศึกษาชั้นประถม นั่นก็ผ่านไปราวครึ่งปีแล้ว..."
"นี่ทากากิคุง....ยังจำเรื่องของฉันได้รึเปล่า?"
จดหมายจาก Akari ฉบับแรกหลังจากที่จากกันได้ครึ่งปี อาการิต้องย้ายตามที่บ้านไปเรียนที่โทชิกิ (Tochigi) ซึ่งไกลทีเดียวจากโตเกียว ซึ่งทั้งสองก็ยังคิดถึงกันตลอดเพราะสนิทกันมาก แล้ว Akari ก็เขียนจดหมาย ทั้งคู่ก็พยายามติดต่อกันเรื่อยมาตั้งแต่ตอนนั้น
ทุกครั้งที่อ่านจดหมาย ทากากิจะนึกถึงภาพของอาการิอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเธอเองก็จะยังคิดถึงทุกๆสิ่งที่โตเกียว และยังไม่ชินกับการย้ายมาเรียนที่โทชิกิเท่าไหร่ เขายังจำเรื่องของอาการิและทุกคำที่อาการิเขียนมาได้เป็นอย่างดี
Akari : อ๊ะดูสิทากากิตุง แมวพันธ์โชบิตะล่ะ
Takaki: ก็อยู่แถวนี้มาตั้งนานแล้วนี่
Akari : แต่วันนี้มันดูเหงาๆ > <” เหมียวๆเป็นอะไรไปจ๊ะ อยู่คนเดียวเหงาใช่มั้ย
ทั้งสองติดต่อกันทางจดหมาย และความสัมพันธ์ก็พัฒนาไปจนเหมือนแฟนกันดีๆนี่เอง จนกระทั่งหลังจากผ่านไปได้ 1 ปี Takaki รู้จากที่บ้านว่าจะต้องไปเรียนที่คาโกชิม่า (Kagoshima) ซึ่งไกลมากกกก คราวนี้โอกาสเจอกันยิ่งน้อยลงไปอีก แล้วจะไปหา Akari ได้อย่างไร
Kagoshima ห่างจาก Tokyo มากกก ประมาณ 1,000 Km แน่ะ ใต้สุดของคิวชู (Kyushu)
Akari : เรื่องทีจะนัดเจอวันที่ 4 มีนาคม ฉันดีใจมากเลย นี่ก็ผ่านมาได้ 1 ปี แล้วสินะ รู้สึกเกร็งๆยังไงก็ไม่รู้
ใกล้ๆบ้านฉันมีต้นซากุระต้นใหญ่ พอถึงฤดูใบไม้ผลิ กลีบของมันจะร่วงด้วยตวามเร็ว 5 cm ต่อวินาที
ฉันนึกเสมอว่าจะดีแค่ไหนถ้าได้อยู่กับทากากิคุง จนฤดูใบไม้ผลิมาถึง………
ทากากิเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกันเพราะอยากเจออาการิมาก และคงไม่ได้พบกันอีกนานแน่เลยอยากที่จะเจอกันอีกสักครั้ง แต่เด็กม.ต้นจะนั่งรถไฟจากโตเกียวไปโทชิกิก็ต้องเตรียมตัวพอสมควร สถานีที่ชินจุกุนี่เชื่อมไปได้หลายทางมาก หลงได้ง่ายๆเลย แล้วทั้งคู่ก็นัดเจอกันที่สถานีรถไฟที่ Tochigi เวลา 1 ทุ่ม
“หัวใจของผมเต้นรัว อีกไม่นานผมก็จะได้เจออาการิแล้ว
ทั้งที่เตรียมอย่างดีแล้ว แต่เหมือนโดนแกล้ง วันที่นัดเจอกันหิมะเริ่มตกหนักขึ้นๆ และทำให้ตารางรถไฟเลื่อนกันหมด แถมนั่งไปแต่ละสถานีก็ต้องหยุดเป็นพักๆเพราะหิมะเริ่มตกหนักขึ้นๆทุกที เวลาก็ผ่านล่วงเลยไป ทากากิเริ่มคิดไปถึงเรื่องที่ผ่านมา...ในคืนนั้น
ทั้งสองอยากที่จะสอบเข้าโรงเรียนมัธยมเดียวกันที่ได้สัญญากันไว้ แต่ว่าในคืนที่คุยกับอาการิ ทากากิรู้ว่าที่บ้านอาการิต้องย้ายไปทำงานที่ Tochigi อย่างไม่มีทางเลือก และไม่ยอมให้ย้ายมาอยู่กับป้าที่ Tokyo เพราะว่าอาการิยังเด็กอยู่ และนั่นทำให้ทั้งคู่เสียใจมาก
ระหว่างรอเปลี่ยนรถไฟ ลมก็หอบเอาจดหมายความในใจที่ไม่เคยบอกไปหมด เลยยิ่งกลุ้มเข้าไปใหญ่ นี่ก็เลยเวลานัดสุดๆ แถมรถไฟก็นิ่งยังไม่ถึงไหน ต้องพักอีก 2 ชั่วโมงอีก T^T ....อาการิจะรอมั้ยนะ เข็มนาฬิกาผ่านไปเกือบ 5 ทุ่ม ทากากิคิดว่าขอให้อาการิกลับบ้านไปแล้วดีกว่า เพราะดึกมาก และคงไม่นั่งรอเค้าแน่

ต่แล้วภาพที่พบคือคนที่เค้าอยากเจอมากที่สุดกำลังนั่งคอยอยูคนเดียว ทั้งคู่เดินไปด้วยกันในวันที่หิมะโปรยปราย และไปที่ต้นซากุระที่บอกว่าจะมาดูด้วยกัน เรียกว่าบรรยากาศพาไปสุดๆ และความรู้สึกทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาในตอนนั้น
Akari: นี่ ...อย่างกับหิมะเลยว่ามั้ย...
"ชั่วขณะนั้น ทั้งหัวใจ จิตวิญญาณ รวมทั้งสิ่งต่างๆรอบตัวพลันปรากฎชัดแจ้ง.... ราวกับว่าผมได้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านเข้ามาตลอด 13 ปี รวมทั้งเรื่องราวต่อจากนี้ ความเศร้าที่ไม่อาจจะทนเก็บไว้ ความอบอุ่นของอาการิ ตลอดทั้งจิตวิญญาณ ผมจะเก็บมันไว้ที่ไหน จะรักษามันไว้อย่างไร ผมไม่เคยรู้เลยสักครั้ง""

จนถึงตอนเช้าอาการิก็มาส่งทากากิที่สถานีรถไฟ ซึ่งทั้งสองก็รู้ว่าหลังจากวันนี้คงไม่ได้เจอกันอีกนานแน่ๆ Takaki เองก็นึกเสียดายจดหมายที่ไม่ได้ให้ Akari แต่ทาง Akari เองก็....
"ก่อนและหลังจูบครั้งนั้น ราวกับอะไรต่างๆบนโลกมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง" Takaki
จบบท "Cherry Blossom" บทนี้อบอุ่นและหวานมากๆ ทำให้คิดถึง Puppy love ที่ใครๆก็คงเคยมี และคงไม่ต่างจากความรู้สึกของทากากิ กับอาการิเท่าไหร่ ทั้งคู่เข้ากันได้ดีและมีส่ิงที่คล้ายๆกัน ความรู้สึกที่มีแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องโกหก ... แต่ทั้งสองคนก็ไม่แน่ใจว่า หลังจากที่เจอกันครั้งนี้แล้วแต่ละคนจะเปลี่ยนไปมั้ย ถ้าต้องห่างกันไกลกัน
Chapter 2 "Cosmonaut" ทะยานสู่ฟากฟ้า
ตัดมาที่ Kagoshima ใกล้กับศูนย์ปล่อยกระสวยอวกาศ Tanegashima สึมิดะ (Kanae Sumida) ไป รอเจอทากากิที่ชมรมในตอนเช้าเหมือนทุกวัน บ่อยครั้งที่ Sumida ไปรอจนหลังเลิกเรียนเย็นเพื่อที่จะได้ทำเป็นบังเอิญเจอกับทากากิ O..O" ….แล้วทากากิก็ชวนกลับบ้านด้วยกัน.เอ่อ ทำแบบนี้กี่รอบแล้วนะนี่ (ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย)
Sumida: มาคิดดูแล้วอย่างกับตัวเองเป็นคนบ้าแน่ะ แต่ก็ดีใจที่ได้กลับบ้านด้วยกัน > <"
ตามประสาชีวิต ม.ปลายแสนวุ่นที่กำลังเข้าสู่ช่วงสอบ Entrance และต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะไปเรียนต่อ หรือจะเป็นนักเซิฟ แต่สึมิดะยังคิดไม่ตกจนพี่สาวที่เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนก็อดห่วงไม่ได้ แต่เธอก็มีเรื่องที่ยังต้องคิดไม่แพ้กัน
สึมิดะเจอทากากิครั้งแรกตั้งแต่ย้ายมาในช่วงปี 2 และชอบมาตั้งแต่ตอนนั้น เธอพยายามอย่างนักจนสอบเข้ามาเรียน ม.ปลายที่เดียวกันได้
ห็นได้ชัดเลยว่าสึมิดะดะนี่ทุ่มสุดตัว ขนาดเพื่อนๆในชั้นก็คิดว่าเป็นแฟนกันไปแล้ว
แต่สิมิดะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะยังมีคนที่มีผลต่อการตัดสินใจที่สุดอยู่
Sumida: โทโนะคุงซื้อแบบเดิม (コーヒー Coffee) อีกแล้ว
Takaki: ก็มันอร่อยนี่ สึมิดะเองก็ยังเลือกนานเหมือนเดิมนะ……
"บางครั้งโทโนะคุงจะส่งเมลล์ถึงใครบางคน ทุกครั้งที่เห็นฉันจะนึกในใจเสมอว่าถ้าคนที่เขาส่งให้คือฉันก็คงจะดี เฝ้าหวังอย่างนั้นมาตลอด"
วันหนึ่งระหว่างทางกลับสึมิดะเห็นทากากิกำลัง massage ไปหาใครอยู่เหมือนเคย เลยได้จังหวะคุยกันยาวและรู้ว่าทากากิจะกลับเรียนต่อที่โตเกียว และยังรู้ว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่ยังตัดสินใจไม่ได้
Sumida: ไม่เห็นจะดูเหมือนคนไม่คิดเรื่อง อนาคตเลย
Takaki :ไม่หรอก โลเลจะตายไป ฉันน่ะ ก็แค่พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
Sumida: เป็นอย่างนี้นี่เอง….. แล้วสึมิดะก็พับเอกสารที่จะเลือกคณะแล้วปล่อยปลิวไป
ระหว่างทางกลับทั้งคู่ผ่านขบวนรถขนชิ้นส่วนกระสวยอวกาศ
แล้วสึมิดะก็พูดว่า “5 Km ต่อชั่วโมงสินะ.... คงขนไปที่สถานีจรวดมินามิทาเนะ” ทำเอาเอาทากากิสะดุ้งเลย
"มันคงจะเป็นการเดินทางในความมืดมิดอันแสนโดดเดี่ยว ล่องลอยเคว้งคว้างไร้แสงสว่าง ปราศจากหนทางได้พบกับอากาศธาตุใดๆ มีเพียงความหวังอย่างแรงกล้าว่าลึกลงไปที่ไหนสักแห่ง จะได้พบกับความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ในห้วงอวกาศ ปลายทางของพวกเราอยู่แห่งหนไหน จะต้องไปไกลอีกเท่าไร"
………ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เราเริ่มเขียนข้อความโดยที่ไม่เคยได้ส่ง ???………
แล้วสายลมของฤดูหนาวนั้นเริ่มสัมผัสได้ มาพร้อมกับวันใหม่กับสึมิดะที่ตัดสินใจได้หลังจากที่ได้คุยในคืนนั้น เธอสามารถโต้คลื่นได้สำเร็จครั้งแรก เธอตัดสินใจเรื่องอนาคตได้แล้ว แต่เรื่องทากากิล่ะ
นี่ก็ถึงวันที่จะใกล้จบการศึกษาแล้ว ช่วงที่ทากากิชวนเดินกลับบ้านไปด้วยกัน เธอตัดสินใจว่าวันนี้แหละ ถ้าไม่พูดก็ไม่มีโอกาสแล้วสินะ และเริ่มจะเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่......
Takaki: เป็นอะไรไป
Sumida: โทษที...ไม่มีอะไร
Takaki: สึมิดะ...
"ขอร้องละ....อย่า...อย่าทำดีกับฉัน มากไปกว่านี้"
ะหว่างที่กำลังจะสุดๆแล้ว ทำอะไรไม่ถูกทั้งคู่ เสียงสถานีปล่อยจรวดผ่านท้องฟ้าไปยังห้วงอวกาศด้วยความเร็วสูง.. ทั้งสองมองจนลับขอบฟ้าไป จนแล้วจนรอด...สึมิดะก็ไม่ได้พูดความในใจแล้วเดินกลับบ้านด้วยกัน .
"ฉันรู้สึกตัวแล้วว่าแท้จริงแล้วโทโนะคุงไม่เคยมองมาที่ฉันเลย ถึงโทโนะคุงจะดีกับฉันแค่ไหน อ่อนโยนเท่าไหร่ก็ตาม แต่ว่าโทโนะคุงมักจะเฝ้ามองไปทีไหนสักแห่ง ทั้งสูงและไกลออกไปจากตัวฉันมาก ฉันไม่มีทางเติมเต็มความปราถนาของโทโนะคุงได้เลย"
จบบท "Cosmonaut" เคยอ่านรีวิวบางคนบอกว่าบทนี้ดำเนินเรื่องช้า แต่ส่วนตัวผมว่าบทนี้ทำได้ดีไม่แพ้บทแรกนะ หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นภาพในความฝันที่อยู่กับอาการิ หรือการนั่งจิ้ม massage ที่ไม่ได้ส่ง ก็บอกถึงความรู้สึกของทากากิได้เป็นอย่างดี ทากากิก็ยังติดกับความทรงจำเดิมๆอยู่ไม่จางหาย ถึงสึมิดะจะพยายามเท่าไหร่ก็ตาม แต่เป็นได้มากที่สุดแค่เพื่อนเท่านั้น ซึ่งทากากิก็รู้ว่าซึมิดะคิดอย่างไร
ทากากิเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ไม่ได้เย็นชา แต่กลับคิดว่าวิธีที่จะไม่ให้คิดถึงเรื่องอาการิคือการมองไปข้างหน้า ในเรื่องจะเปรียบเทียบหลายครั้งทั้งการยิงธนู แม่นยำ เป้าพุ่งตรงไปข้างหน้า กับสิ่งที่เค้ายังไม่สามารถลืมไปได้ ยังลังเล หรือความเร็วของจรวดที่จะพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศ กับความเร็วของซากุระที่ร่วงหล่น.....แม้แต่สึมิดะเองก็คงนึกไม่ถึงว่าคนที่ทากากิคิดถึงจะอยู่แค่ในความฝัน
ไม่รู้ว่าเหมือนประชดกันรึเปล่า แต่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุดอย่างสึมิดะ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกขยับหัวใจเข้าหาได้ แต่อาการินั้นอยู่ไกลแสนไกล....
Chapter 3 "5 cm per second"
พ่อแม่มาส่งอาการิที่กำลังจะขึ้นรถไฟไปโตเกียว โดยอาการิบอกว่าไม่ต้องเป็นห่่วงเดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงเดือนหน้า??
"เมื่อคืน ชั้นฝัน ฝันถึงเรื่องที่นานมาแล้ว คงเป็นเพราะจดหมายที่เจอเมื่อวาน จดหมายที่ไม่ได้ให้ทากากิ..."
" ในความฝันนั้นพวกเราต่างอายุ 13 ท่ามกลางชนบท ปกคลุมไปด้วยหิมะ มีแสงไฟจากบ้านเรือนส่องสว่างอยู่ห่างออกไปเกือบสุดสายตา เราเดินไปบนพื้นหิมะที่กองสุมอยู่เต็มทางโดยปราศจากรอยเท้า แล้วก็สักวันหนึ่งเรามาดูต้นซากุระด้วยกันอีกนะ"
Takaki ตอนนี้กลับมาที่โตเกียวทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ โดยใช้เวลาทั้งหมดไปกับงาน ไปกับสิ่งที่เค้ามุ่งจะไปถึงเมื่อยังเด็ก
"ฉันยังรักคุณเสมอ ผู้หญิงที่ผมเคยคบด้วยเมื่อสามปีก่อนส่งเมลมา"
“แต่แม้ว่าพวกเราจะส่งเมลหากันกี่ร้อยกี่ี่พันครั้ง ก็ไม่ทำให้หัวใจขยับเข้าใกล้มาเลยแม้เพียงเซนเดียว”
น่าแปลกที่ว่าสิ่งที่เขาทำมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือแม้แต่การคบกับมิซูโนะก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกสมัยเด็กนั้นจางหายไปหมดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่เสมอก็คือเรื่องของอาการิ และยังคงไม่เปลี่ยนไป ....และเมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหวเลยเขาเลยลาออกจากงานในที่สุด และเข้าใจว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือะไร
เพลง One more time one more chance จะบอกถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้น....
ทากากิคิดเสมอว่าอยากเจออาการิอีกสักครั้ง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และจะเดินไปที่ๆเคยไปในอดีต แล้ววันหนึ่งทั้งคู่เดินผ่านทางรถไฟพอดี แต่เสี้ยวขณะที่กำลังจะมองเห็นหน้า รถไฟก็เคลื่อนขบวนผ่านไปเหมือนครั้งยังเด็ก ทากากิก็รอจนรถไฟหยุด...แต่ครั้งนี้อาการิไม่ได้รอแล้ว ฉากจบที่รอยยิ้มของทากากิ แล้วก็จบลงตรงนั้น อาจจะดูเหมือน sad ending นิดหน่อย
เพื่อนผมบอกว่าอาการิผิดบ้าง ไม่รอบ้าง แต่ผมว่าเธอรักทากากิแบบสุดๆ และไม่่ว่าจะตอนไหน อาการิจะเป็นฝ่่ายที่แสดงความรู้สึกก่อนเสมอ แต่เพราะระยะทางและเวลาทำให้ทั้งสองคิดมาก ว่าแต่ละคนอาจเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าแต่ละคนรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย ระยะทางและเวลาก็คงไม่เป็นผล ....รถไฟที่แล่นช้่า ความไม่แน่นอนทั้งหลาย แม้จะเลยเวลานัด แต่เธอก็ยังรอทากากิ
เวลาของทากากิหยุดลงตั้งแต่คืนที่ใต้ต้นซากุระและมีแต่อาการิ อาการิก็เช่นกันแต่เวลาของเธอเดินไปอย่างช้าๆจนถึงจุดนึงที่ย้อนกลับไปไม่ ได้ และเธอเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป ถึงอย่างนั้นกลีบซากุระก็ยังร่วงด้วยความเร็ว 5 cm per second และคงเป็นความทรงจำที่ดีไปตลอด
หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าคนที่ผมคบก็ไม่ทำให้ระยะทางใกล้กันเท่าไหร่ สงสัยเวลาผมคงหยุดแบบในเรื่องแน่เลย T^T
อย่าลืมหามาดูกันนะครับ ว่าแต่คนข้างๆคุณทำให้หัวใจขยับเข้าใกล้กันได้รึเปล่า ^O^

14 comments:

  1. ภาพสวยมากเลยค่ะ

    ว่าจะไปหามาดูมั่งอ่า

    ReplyDelete
  2. ดูแล้วดีมากเลยค่ะ ตรงกับความรู้สึกตอนนี้ที่ไม่ว่าจะคบใครก็ลืมคนที่เป็นรักแรกพบไม่ได้..

    ReplyDelete
  3. กะว่าจะหาแบบ Bluray มาดู ภาพน่าจะดีกว่า DVD พอสมควรเลย

    ReplyDelete
  4. มานั่งนึกดู ผมก็ยังชอบคนที่นิสัยหรือลักษณะคล้ายๆคนที่เคยชอบที่สุดอยู่เลย

    อย่างถ้าในเรื่องตอนท้ายถ้าได้เจอกันนี่...ไม่รู้ว่าจะดีหรือแย่

    ReplyDelete
  5. เราว่าตอนจบมันไม่ sad ending ทีเดียวหรอก เพราะว่ารอยยิ้มของทากากิ คือสัญลักษณ์ที่บอกแล้วว่า ต่อจากนี้เวลาของเขาจะดำเนินไปข้างหน้าแล้ว คล้ายๆว่าปล่อยวางแล้ว ฉากสุดท้ายเป็นอะไรที่เราชอบมาก เพราะมันคือชีวิตจริง

    ทากากิคิดอาจจะยึดติดกับอาคาริมาตลอด และในใจส่วนหนึ่งก็คงคิดว่าอาคาริก็คงคิดเหมือนเขาเช่นกัน ตอนจบทากากิเห็นอาคาริแล้ว (แม้ว่าอาจจะไม่แน่ใจบ้างแต่เราว่าทากากิเชื่อแน่นอนว่านั่นคืออาคาริ เพราะผู้หญิงคนนั้นหันกลับมาหาเขา) ทากากิรอจนรถไฟหายไป แต่สิ่งที่เขาพบคือความว่างเปล่า ตอนนั้นเขาคงตระหนักแล้วว่า อาคาริที่เคยรอเค้าสมัยเด็กตรงอีกฝั่งของทางรถไฟ ในตอนนี้อาคาริคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่เขาจะยึดติดกับอดีตอีกต่อไป

    มันเหมือนกับคนที่ได้ตระหนักถึงความจริงที่แสนเศร้าอ่ะค่ะ แต่อย่างไรความจริงข้อนั้นก็ได้คลายปมของเขาเสียที เพราะงั้นทากากิถึงยิ้มได้ในตอนจบ ตามความคิดเรา มันคือรอยยิ้มของคนที่เข้าใจและปล่อยวางได้แล้วน่ะค่ะ

    ReplyDelete
  6. ตอนที่ดูครั้งแรกผมก็ยังลุ้นอยากให้ทั้งคู่เจอกัน...แต่อย่างที่ k.The Cinnamoroll บอกเลยครับว่า จริงๆนี่ไม่ใช่ sad ending เป็นฉากจบที่ดูดีมากก

    ฉากนี้บอกอะไรหลายๆอย่าง ทากากิก็คงมองไปข้างหน้าแล้ว และมีความทรงจำดีให้กันอยู่ (แม้ลึกๆก็ยังคงรักอาการิแน่เลย)

    ถ้าได้เจอกันเหตุการณ์คงเปลี่ยนจากนี้แน่...ผมว่าอาการิไม่รอนี่ทำถูกแล้วและทำให้ทากากิคิดได้ ซึ่งดีกับทั้งคู่ด้วยนะ :)

    ดูเรื่องนี้ทีไรก็ชอบทุกที ^0^

    ReplyDelete
  7. Мне очень понравилось это аниме
    Хочется посмотреть еще что то в этом роде))

    ReplyDelete
  8. ไม่รุ้จะอธิบายยังไง ผมหน้าชา น้ำตาปริเลยหล่ะ

    ฉากสุดท้าย.. Saddddddddddd มากกกก T T

    ReplyDelete
  9. Blogging is the new poetry. I find it wonderful and amazing in many ways.

    ReplyDelete
  10. What you're saying is completely true. I know that everybody must say the same thing, but I just think that you put it in a way that everyone can understand. I'm sure you'll reach so many people with what you've got to say.

    ReplyDelete
  11. I certainly agree to some points that you have discussed on this post. I appreciate that you have shared some reliable tips on this review.

    ReplyDelete
  12. What you're saying is completely true. I know that everybody must say the same thing, but I just think that you put it in a way that everyone can understand. I'm sure you'll reach so many people with what you've got to say.

    ReplyDelete
  13. I certainly agree to some points that you have discussed on this post. I appreciate that you have shared some reliable tips on this review.

    ReplyDelete